เรียนพิเศษภาษาจีน
เรียนพิเศษตัวต่อตัว ภาษาจีน
ในปัจจุบันความสำคัญของภาษาจีนกลางแล้วนั้น ภาษาจีนกลางเป็นภาษาที่สำคัญของทวีปเอเชียมาช้านาน เนื่องจากประเทศจีนเป็นแหล่งอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่หนึ่งในสองของทวีป ด้วยสภาพภูมิศาสตร์ต่างๆ ทั้งขนาดของประเทศ จำนวนประชากรที่มากที่สุดในโลก หรือจะเป็นการเมือง การปกครอง และเศรษฐกิจที่มีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ภาษาจีนกลางเป็นภาษาหนึ่งของเอเชียที่ใช้ในองค์การสหประชาชาติ
จากเหตุผลดังกล่าว ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ในปัจจุบัน เห็นความสำคัญให้กับภาษาจีนกลางเป็นอย่างมาก คนไทยมีโอกาสที่จะ เรียนภาษาจีนกลาง ถือว่ามีประโยชน์อย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่สามารถใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารทั่วไปแล้ว เราสามารถใช้ภาษาเพื่อสร้างความเจริญก้าวหน้าในด้านต่างๆทั้งใน อาทิเช่น การเรียนต่อ การสอบชิงทุน การเรียนต่อประเทศจีน หรือแม้แต่ทำงาน ในปัจจุบัน ภาษาจีนจึงเป็นภาษาหนึ่งที่มีความสำคัญอย่างมาก
เรียนตัวต่อตัว ภาษาจีนกับติวเตอร์จุฬาซียูดีอย่างไร?
- ติวตัวต่อตัวภาษาจีน เรียนได้ตั้งแต่พื้นฐาน จนถึงสอบ HSK
- เรียนที่ไหนก็ได้ สามารถเลือกที่เรียนที่ผู้เรียนสะดวกที่สุด ไม่ต้องเสียทั้งเวลา และค่าใช้จ่ายไปกวดวิชาไกล ๆ
- เน้นจุดที่ไม่เข้าใจ ได้ ถามติวเตอร์ได้ทันทีที่สงสัย
- อยากเรียนตอนไหน ที่ไหนก็ได้ เพราะทางสถาบันมีการสอนแบบออนไลน์ผ่าน skype หรือ Line video call ไม่ว่าผู้เรียนอยู่ที่ไหนก็เรียนได้
HSK1
เป็นระดับเริ่มต้น จะง่ายกว่าทุกตัว ในข้อสอบจะแบ่งออกเป็นพาร์ท Listening 20 ข้อ และ Reading 20 ข้อ ในการทำข้อสอบต้องมีสมาธิมาก เพราะในส่วน Listening จะพูดเพียง 2 ครั้งเท่านั้น ถ้าพลาดก็เสียคะแนนไปเลยในข้อนั้น ๆ แต่ระดับนี้ไม่เป็นที่นิยม เพราะง่ายเกินไป ส่วนใหญ่จะเริ่มสอบกันที่ระดับ 3 - 4 กัน
HSK2
- ข้อสอบระดับนี้จะยากขึ้นกว่าระดับแรก ข้อสอบจะแบ่งเป็นพาร์ท Listening 35 ข้อ และ Reading 25 ข้อ
- ข้อสอบจะเริ่มเป็นประโยคที่ยาวขึ้น เมื่อเทียบกับ HSK1
HSK3
- ข้อสอบแบ่งออกเป็น 3 พาร์ท Listening 40 ข้อ, Reading 30 ข้อ และ Writing 10 ข้อ
- ข้อสอบ HSK3 จะเพิ่มในส่วนของพาร์ท Writing มาในส่วนนี้ที่เน้นคือ การเขียนคำศัพท์ และการเรียงประโยคให้ถูกไวยากรณ์ เพราะถ้าเขียนผิด ก็จะเสียคะแนนในส่วนนี้ไป
HSK4
- ข้อสอบแบ่งออกเป็น 3 พาร์ท Listening 45 ข้อ, Reading 40 ข้อ และ Writing 15 ข้อ
- ต้องมีสมาธิและสติกับข้อสอบทุกพาร์ท โดยเฉพาะอย่างยิ่งพาร์ท Listening เพราะจะพูดแค่ครั้งเดียวเท่านั้น มีโอกาสที่จะฟังไม่ทัน เพราะพูดเร็วกว่า HSK ระดับอื่นที่กล่าวมา
HSK5
- ข้อสอบแบ่งออกเป็น 3 พาร์ท Listening 45 ข้อ, Reading 45 ข้อ และ Writing 10 ข้อ
- ในระดับนี้ เราต้องฟังโจทย์จากเทปที่เปิด แนะนำว่าให้ตั้งใจฟัง เพราะหากหลุดก็จะพลาด และเสียคะแนนไปมากเลยทีเดียว
- พาร์ท Reading จะค่อนข้างกินเวลาเยอะที่สุดเพราะบทความที่ให้มา ค่อนข้างยาวมาก ผู้สอบควรเตรียมตัวฝึกทำให้พร้อมก่อนลงสอบ
- สำหรับ Writing จะให้เขียนบทความสั้นๆ จากคำศัพท์และรูปภาพที่กำหนดให้ ผู้สอบควรแม่นคำศัพท์และไวยากรณ์ จะทำให้ได้คะแนนในพาร์ทนี้เยอะ
HSK6
- ระดับนี้เป็นระดับที่ยากที่สุด ข้อสอบแบ่งออกเป็น 3 พาร์ท Listening 50 ข้อ, Reading 50 ข้อ และ Writing 1 ข้อ
- พาร์ท Listening ต้องตั้งใจฟังให้ดี เพราะนอกจากเนื้อหาจะยาวแล้วคนพูดยังพูดเร็วมาก เร็วในระดับที่คนจีนใช้พูดกันในชีวิตประจำวันเลย
- พาร์ท Reading มีทั้งให้เลือกประโยคที่ผิด เติมคำศัพท์/ประโยคที่ถูกต้องลงในช่องว่าง และต้องตอบคำถามจากเนื้อเรื่องที่อ่าน วัดในทุกด้าน ทั้งคำศัพท์และไวยกรณ์ สิ่งที่ควรระวังคือเรื่องเวลา เพราะผู้ทำจะทำโดยไม่รู้ตัว และหมดเวลา ทำให้ทำข้อสอบไม่ทัน
- พาร์ท Writing ต้องอ่านเนื้อหาที่ให้มาประมาณ 1,000 ตัวอักษร ต้องย่อความให้ได้ ประมาณ 400 ตัวอักษร และต้องตั้งชื่อเรื่องให้สอดคล้องกับเนื้อหาที่เขียนเองด้วย ที่สำคัญห้ามใส่ความรู้สึกของตัวผู้เขียนลงไป
หลักสูตรที่เปิดสอนพิเศษ
- ภาษาจีนสำหรับ เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ราคาเริ่มต้นที่ชั่วโมง 250 บาทต่อคน
- ภาษาจีนสำหรับ เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ราคาเริ่มต้นที่ชั่วโมง 250 บาทต่อคน
- หลักสูตร ติวสอบเข้ามหาลัย PAT 7.4 เริ่มต้นชั่วโมงละ 300 บาทต่อคน
- หลักสูตรติวเพื่อสอบ HSK เริ่มต้นชั่วโมงละ 300 บาทต่อคน
- หลักสูตรภาษาจีน เพื่อธุรกิจ /สนทนาธุรกิจ สำหรับผู้ใหญ่ ราคาเริ่มต้นชั่วโมงละ 350 บาทต่อคน
ระดับขั้นการสอบวัดความรู้ HSK
- คำศัพท์ คะแนนเต็ม คะแนนที่ผ่าน จำนวนข้อ เวลาสอบ
- HSK1 150 คำ 200 120 40 ข้อ 40 นาที
- HSK2 300 คำ 200 120 60 ข้อ 55 นาที
- HSK3 600 คำ 300 180 80 ข้อ 90 นาที
- HSK4 1,200 คำ 300 180 100 ข้อ 105 นาที
- HSK5 2,400 คำ 300 180 100 ข้อ 125 นาที
- HSK6 5,000 คำ 300 180 101 ข้อ 140 นาที